เริ่มต้นวางแผนการเงินตั้งแต่ 0 บทความนี้บอกหมด (สำหรับมือใหม่สุด)

Read 8 minutes · 11 Aug 2025

[อัพเดทเนื้อหาตลอดชีพ] ในบทความนี้คุณจะเข้าใจภาพรวมทั้งหมดของการวางแผนทางการเงิน และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดกันเองได้ เพราะการเริ่มวางแผนทางการเงินไม่ใช่เรื่องยากครับ

Name: Nonthawit
Nonthawit (น้ำแข็ง)
· Founder

👨🏻💻 Software Engineer | 🤹 Designer |
🗣 Public Speaker | 💡 Tech Entrepreneur
Passionate about finance, investment, and building products

Read 1K

ก่อนจะเริ่มต้นวางแผนทางการเงินกัน เจ้าของบทความมีสิ่งสำคัญ 3 เรื่อง ที่เป็นพื้นฐานสำคัญที่ชาวมั่งมีทุกคนควรจะเข้าใจให้เห็นภาพก่อนกันก่อนครับ

3 เสาหลักในการวางแผนทางการเงินตามแบบฉบับของมั่งมี (🐈 mangmee) เจ้าของบทความแบ่งออกเป็น:

  1. ♖ เสาแรก: กระแสเงินสด (Cashflow) — เพื่อใช้วางแผนการเงินเดือนต่อเดือน และวางแผนนำเงินมา ลงทุน และเก็บออมต่อไป
  2. ♖ เสาที่สอง: การลงทุน (Investment) — เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น
  3. ♖ เสาที่สาม: การออมเงิน (Saving) — ลดความเสี่ยงในชีวิตด้านต่างๆ

ทั้ง 3 เสานี้เป็นเรื่องหลักสำคัญที่ใช้ในการวางแผนการเงิน ซึ่งในแต่ละเสาก็มีรายละเอียดเชิงลึกอีกมากมายที่เราสามารถตามไปศึกษาเพิ่มเติมกันได้อีก แต่บทความนี้เราจะไม่ลงรายละเอียดเชิงลึก แต่เราจะเน้นสร้างความเข้าใจพื้นฐานให้ชาวมั่งมีก่อน เพื่อให้นำความรู้ในบทความไปคิดต่อยอดในแบบของตัวเองกันได้

Start Financial Planning From Zero Th

งั้นเรามาเริ่มทำความรู้จักในแต่ละเสากันครับ

♖ เสาที่หนึ่ง: กระแสเงินสด (Cashflow)

Cashflow Th

ขั้นแรกสำคัญมากๆๆๆ เราต้องรู้ก่อนว่าการไหลของเงินในแต่เดือนของเราบวกลบเป็นยังไงครับ สิ่งที่จะช่วยเราได้คือการทำบัญชีกระแสเงินสดแบบง่ายๆ

คนส่วนใหญ่จะคุ้นหูกับคำว่า รายรับ (Income) รายจ่าย (Expense) ซึ่งในบทความนี้ เจ้าของบทความอยากให้มองกระแสเงินสดและรายรับรายจ่ายเป็นภาพเดียวกันนะครับ

ทำไมการทำรายรับ/รายจ่ายถึงสำคัญ?

  • ชาวมั่งมีจะเห็นเลยว่ารายรับ สอดคล้องกับรายจ่ายเราจริงๆไหม
  • เป็นข้อมูลตั้งต้นแรก เพื่อใช้ต่อยอดในเรื่อง “การลงทุน (Investment)” และ “การออมเงิน (Saving)”
  • การลงบัญชีรายรับรายจ่ายจะช่วยสร้างวินัยในการใช้เงินที่ดีให้กับเรา (สิ่งที่ฝึกฝนกันยากที่สุด)

หลังจากที่เราติดตามรายรับ และรายจ่ายทั้งหมด เราจะนำตัวเลข รายรับ - รายจ่าย และสิ่งที่เราจะได้คือ:

  • ถ้าตัวเลขเป็นลบ 🔴 → จะทำให้เราจะรู้ว่าเราควรปรับลดตรงไหนได้บ้าง? หรือรายจ่ายตรงไหนบวม?
  • ถ้าตัวเลขเป็นบวก 🟢 → จะทำให้เราจะรู้ว่าเราควรเอาเงินไปทำอะไรต่อในหัวข้อ “การลงทุน (Investment)” หรือ “การออมเงิน (Saving)”

สิ่งที่เจ้าของบทความแนะนำมากๆคือ การแบ่งรายรับ รายจ่ายเป็นหมวดหมู่ และทำเป็นเดือนต่อเดือนติดกันให้ได้ 6 เดือน นะครับ เป็นตัวเลขที่เหมาะสมในการสร้างวินัยที่ดีครับ

ตัวอย่างหมวดหมู่สำหรับรายรับ 🟢

  • 💰 เงินเดือน
  • 💰 ฟรีแลนซ์
  • 🛍 ขายของออนไลน์
  • 📊 ปันผล — รายได้ปันผลที่ได้จากหุ้นที่เราซื้อ
  • 📊 ขายทรัพย์สิน — รายได้ที่มาจากการขายทรัพย์สินต่างๆ เช่น ขายหุ้น, ขายคลิปโต เป็นต้น

ตัวอย่างหมวดหมู่สำหรับรายจ่าย 🔴

  • 🏠 บ้าน
  • 🚘 รถยนต์
    • ⚒️ ค่าซ่อมบำรุง
    • 🛢️ ค่าน้ำมัน
  • 🍛 อาหาร & เครื่องดื่ม
    • ☕ กาแฟ
    • 🍛 อาหาร
    • 🍛 อาหารมื้อพิเศษ
  • 📊 ซื้อสินทรัพย์ — ซื้อหุ้น, ซื้อทอง, ซื้อคลิปโต
  • 🚌 เดินทาง — ขนส่งสาธารณะต่างๆ
  • 🤲🏻 บริจาค — เงินบริจาค, ใส่ซองงานแต่ง, ทำบุญ
  • 💄 ความงาม
  • 🩺 สุขภาพ
  • 🏞️ ท่องเที่ยว

ถ้าเราใช้เครื่องมือที่ดี และใส่ตัวเลขจริง ผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาได้ประมาณนี้ครับ

Cashflow Example Th

ส่วนตัวเจ้าของบทความแนะนำให้ใช้โปรแกรมช่วยทุ่นแรงในการติดตามรายรับรายจ่ายในแต่ละเดือนครับ ตอนนี้ในตลาดมีโปรแกรมช่วยเยอะมากเลยครับ

เจ้าของบทความคัดมาให้ ลองไปจิ้มกันเองได้เลยครับ

  1. Spendee — ใช้ได้ทั้งบน Website, Android, iOS
  2. Money Lover — ใช้ได้บน Android, iOS
  3. MAKE by KBank — ใช้ได้บน Android, iOS
  4. Money Pro — ใช้ได้บน Windows, Android, iOS, Mac
  5. 🐈 mangmee — อันนี้ทางเรากำลังพัฒนา 😎

ไอเดียในการปรับลดรายจ่าย

มีคนเคยสอนเจ้าของบทความว่า การประหยัดค่ากาแฟวันละแก้ว ไม่ได้ช่วยเรื่องปรับลดรายจ่ายได้ครับ การจัดการค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ๆเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญมากกว่า เช่น

  • ค่าเช่า → อยู่กับเพื่อนเพื่อแชร์ค่าใช้จ่ายกัน
  • ค่าผ่อนซื้อรถ → เปลี่ยนเป็นเช่าแทน ไม่ต้องจ่ายค่าบำรุงรักษา และประกัน
  • ค่า Subscription รายเดือน → ปรับแพ็กเกจให้จ่ายแชร์กับเพื่อน

ลองคิดให้ดีๆนะครับ การประหยัดสิ่งเล็กๆ อย่างเช่น ค่ากาแฟวันละแก้ว ที่อาจจะช่วยให้การทำงานชาวมั่งมีดีขึ้น↑ ส่งผลทางอ้อมให้เรามีรายได้มากขึ้น↑ มีโอกาสทำงานดีได้โบนัสท้ายปีมากขึ้น↑

เพราะฉะนั้นการะประหยัดค่ากาแฟวันละแก้ว ส่งผลแย่ให้เราทางอ้อมมากกว่านั้นมาก😞 ในทางกลับกันมูลค่าของกาแฟหนึ่งแก้วมีค่ามากว่านั้นมาก การประหยัดค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆไม่ใช่วิธีที่ดีซักเท่าไหร่ มองก้อนใหญ่ๆดีกว่าครับ

สรุปกระแสเงินสด (Cashflow)

  • ทำให้เห็นเราเห็นภาพรวมการเงินในแต่ละเดือนว่า เราขาดเงิน หรือเหลือเงินเท่าไหร่
  • ตัวเลขที่ได้จาก รายรับ - รายจ่าย จะเป็นตัวตั้งต้นสำคัญว่าเราต้องทำอะไรต่อ เช่น
    • ปรับลดรายจ่าย/หาวิธีเพิ่มรายได้?
    • แบ่งไปลงทุน?
    • แบ่งเป็นเก็บออม?
  • การใส่ข้อมูลเพื่อสร้างบัญชีกระแสเงินสด คือ ด่านแรกในการสร้างวินัยทางการเงินที่เราต้องผ่านไปให้ได้
  • การประหยัดค่าใช้จ่ายๆเล็กๆน้อยไม่ใช่มีวิธีที่ดีนัก ให้มองค่าใช้จ่ายก้อนๆใหญ่ๆก่อนดีกว่า เช่น ค่าเช่า, ค่า subscription รายเดือน, ค่าผ่อนต่างๆ

♖ เสาที่สอง: การลงทุน (Investment)

Investment 2 Th

ในแต่ละเดือนถ้า รายรับ - รายจ่าย เป็นบวก ✅ เราสามารถแบ่งเงินมาลงทุนต่อได้โดย

ข้อควรระวังสำหรับนักลงทุนมือใหม่: ควรลงทุนเฉพาะในสินทรัพย์ที่คุณเข้าใจอย่างถ่องแท้เท่านั้น หากคุณยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรลงทุนอะไร นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณยังมีความรู้ไม่เพียงพอ เจ้าของบทความแนะนำให้ออกไปหาความรู้ก่อน หรือเก็บเงินไว้ก่อนได้ไม่เสียหายครับ กลยุทธ์การอยู่นิ่งๆไม่ใช่ทางที่แย่เสมอไป ดีกว่าเราไปเสียเงินกับสิ่งที่เราไม่รู้ (เจ้าของบทความเตือนละนะ 😡)

การที่คุณมีความรู้ในหุ้นตัวนั้นๆจะทำให้ชาวมั่งมีสามารถซื้อสินทรัพย์ตามมูลค่า ไม่ใช่ตามราคา (อ่านต่อเร็วนี้ๆ)

ตัวอย่างสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้ และมีตลาดซื้อขายที่ชัดเจน

  • ทอง
  • หุ้น
  • กองทุน (Fund)
  • กองทันดัชนี (Index Fund) — เช่น SET50, S&P500
  • พันธบัตร
  • อสังหา
  • คลิปโต — สำหรับคนที่ศึกษาจนเข้าใจแล้วว่าคืออะไร (เตือนละนะ)

สำหรับมือใหม่เจ้าของบทความแนะนำให้ศึกษาทั้ง 6+1 หัวข้อนี้ก่อนครับ (+1 คือคลิปโต)

มีคนทำบทความ และคลิปสอนดีๆไว้มากมาย เจ้าของบทความเชื่อว่าชาวมั่งมีทุกคนสามารถค้นหาความรู้กันเองได้ไม่ยากครับ

สามารถก็อปปี้ Keywords ด้านล้างไปค้นหาเพิ่มกันได้เลย

เริ่มต้นลงทุนทองคำอย่างไร? เริ่มต้นลงทุนหุ้นอย่างไร?” 

พันธบัตรคืออะไร? มีกี่แบบ? เริ่มต้นลงทุนอย่างไร?

คลิปโตลงทุนอย่างไร ให้ปลอดภัยที่สุด?

Investment Th

ในโลการลงทุน คุณสามารถรับมือกับการลงทุนที่ผันผวนตามภาพด้านบนได้ไหม?

นั่นคือสิ่งที่มือใหม่ทุกคนจะต้องเข้าใจ และรับมือกับมันอย่างถูกวิธีนะครับ

สิ่งมัศจรรย์อันดับที่ 8 ของโลก

นั่นคือพลังของดอกเบี้ยทบต้นในการลงทุนครับ สิ่งที่จะทำให้สิ่งมหัศจรรย์นี้เกิดขึ้นกับชีวิตชาวมั่งมีได้

คือ “วินัย” ในการทำตามแผนการลงทุนของตัวเอง ไม่ตามอารมณ์ ไม่เสียงของคนอื่น

Compound Interest Th

สรุปการลงทุน (Investment)

  • นำเงินที่เหลือจากกระแสเงินสดมาแบ่งลงทุนให้ได้ทุกเดือน 10-20% เช่น เหลือเงิน 5,000 ก็แบ่งมาลงทุนให้ได้ 500-1000 ต่อเดือน โดยที่มือใหม่ไม่ต้องสนใจว่าจำนวนเงินเยอะหรือน้อย แต่มองว่าเป็นการฝึกวินัย (ไม่ต้องรีบครับ)
  • หัวใจหลักของการลงทุน คือ “การใช้เงินทำงานแทนเรา” เพื่อสร้าง “ผลตอบแทนที่มากขึ้น” (ไม่ใช่รีบจนขาดทุน 😅)
  • สิ่งที่คุณสามารถควบคุมการลงทุนได้คือ ”ความเสี่ยง 🛡️” ไม่ใช่ “กำไร”

♖ เสาที่สาม: การออมเงิน (Saving)

Saving Th

ในแต่ละเดือนถ้า รายรับ - รายจ่าย > 0 เราสามารถแบ่งเงินมาลงทุนเก็บออมต่อได้เหมือนกับการลงทุน

สินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าได้คือ ทรัพย์สินที่สามารถเก็บรักษามูลค่าไว้ได้ในระยะยาว แม้ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจผันผวน หรือ มีมูลค่าเฉลี่ยโตพอจะชนะเงินเฟ้อ (Inflation) ได้

Inflation Th

เจ้าของบทความแนะนำมากๆให้ชาวมั่งมีไปศึกษาเพิ่มเติมเรื่อง “เงินเฟ้อ” เพื่อให้เข้าใจ “สินทรัพย์ที่รักษามูลค่า” มากขึ้น

ตัวอย่างสินทรัพย์ที่สามารถสามารถรักษามูลค่าได้ (เน้นถือยาวๆ 10-20++ ปี)

  • ทอง — ถือยาวๆ
  • กองทันดัชนี (Index Fund) — เช่น SET50, S&P500
  • หุ้นเกรดดีมากๆ — ความเสี่ยงต่ำ แต่ไม่ใช่ไม่มีความเสียงเลย
  • พันธบัตรรัฐบาล — ความเสี่ยงต่ำ แต่ไม่ใช่ไม่มีความเสียงเลย
  • Bitcoin — สำหรับคนที่ศึกษาจนเข้าใจแล้วว่าคืออะไร
  • ประกันโรคร้าย และอุบัติเหตุ — ลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในชีวิต เช่น อุบัติเหตุไม่คาดคิด การออมเป็นเงินประกัน จะลดความเสี่ยงตรงนี้ได้มากๆ โดยประกันจะจ่ายก้อนใหญ่ๆแทนให้

สำหรับมือใหม่อยากให้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมตามนี้ก่อนนะครับ สามารถก็อปปี้ Keywords ด้านล้างไปค้นหาเพิ่มกันได้เลย

เริ่มต้นลงทุนทองคำอย่างไร?” “วิธีดูหุ้นเกรดดี ต้องดูอย่างไร?

พันธบัตรคืออะไร? มีกี่แบบ? เริ่มต้นลงทุนอย่างไร?” “Bitcoin คืออะไร?

วางแผนซื้อประกันต้องรู้อะไรบ้าง?

จริงๆสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าได้ยังมีอีกหลายอย่างมากๆ เช่น กระเป๋า, นาฬิกา, พระเครื่อง … แต่ต้องอาศัยความชำชาญในการดูมากๆก่อนกระโดดไปเล่น

หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมสินทรัพย์หลายๆตัวสามารถมองได้ทั้งการลงทุน และการออมได้?

คำตอบคือ ให้ดูที่วัตถุประสงค์ครับ

ถ้าคุณต้องการซื้อสินทรัพย์เพื่อผลตอบแทน (สนใจที่มูลค่าเงิน) เราจะมองในมุมของการลงทุน เช่น ทอง 1 บาท = 40k บาทไทย

แต่ถ้าคุณซื้อสินทรัพย์นั้นเพื่อไว้รักษามูลค่า (สนใจที่จำนวนสินทรัพย์) เราจะมองว่ามันคือการเก็บออมมากกว่า เช่น ทอง 1 บาท = ทอง 1 บาท

สรุปการออมเงิน (Saving)

  • นำเงินที่เหลือจากกระแสเงินสดมาแบ่งเก็บออมให้ได้ทุกเดือน 10-20% เช่น เหลือเงิน 5,000 ก็แบ่งมาเก็บให้ได้ 500-1000 ต่อเดือน โดยที่มือใหม่ไม่ต้องสนใจว่าจำนวนเงินเยอะหรือน้อย แต่มองว่าเป็นการฝึกวินัย
  • หัวใจหลักของการออมคือ “การนำเงินสดไปซื้อสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าได้ (store of value)” เพื่อ “ลดความเสี่ยงชีวิตในด้านต่างๆ”
  • ในการออม เราจะให้ความสำคัญกับการสะสมจำนวนของสินทรัพย์อย่างสม่ำเสมอ มากกว่าการกังวลเรื่องราคาครับ จะต่างจากการลงทุนที่เราจะเน้นการเข้าซื้อ-ขายในจังหวะราคาที่เหมาะสมเพื่อกำไร
    • ทอง 1 บาท = ทอง 1 บาท ← มองในมุมการออม 🪙
    • ทอง 1 บาท = 40k บาทไทย ← มองในมุมการลงทุน 📊
  • เจ้าของบทความแนะนำว่าอย่าเก็บเงินในรูปแบบ สกุลเงิน (เงินบาท/เงิน USD) เพราะมูลค่าเงินของคุณจะลดลงเรื่อยๆจากเงินเฟ้อในทุกๆปี

สร้างระบบการแบ่งเงินเป็นของตัวเอง

หลังจากคุณเห็นภาพทั้ง 3 เสาแล้ว: กระแสเงินสด (Cashflow) การลงทุน (Investment) และ การออมเงิน (Saving) ขั้นต่อไปคุณต้องสร้างระบบการเงินของตัวคุณเอง

เจ้าของบทความจะยกตัวอย่างจริงที่ใช้อยู่ เอามาย่อให้เข้าใจง่ายที่สุดนะครับ ซึ่งตัวเลขชาวมั่งมีทุกคนสามารถปรับให้เข้ากับตัวคุณเองในแต่ละเดือนได้เลยครับ

ตัวอย่าง: ระบบการเงินของนายมั่งมี

  • ขั้นตอนที่ 1: คำนวนค่าใช้จ่ายที่แท้จริงต่อเดือนให้ได้ ต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในทุกเดือน เช่น ค่าเช่า ค่าไฟ ค่ากิน ค่าเดินทาง แต่ไม่รวม ค่าเที่ยว ซื้อของ ซื้อเสื้อผ้า หรือค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นอื่นๆ

    • หลังจากติดตามค่าใช้จ่ายจริงเป็นเวลา 1 เดือน คุณทราบว่าค่าใช้จ่ายจำเป็นอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน จากข้อมูลในบัญชีกระแสเงินสดที่คุณบันทึก
    • นำตัวเลขมาหักลบกัน 25,000 - 15,000 = เหลือเงิน 10,000 บาท
  • ขั้นตอนที่ 2: กำหนดสัดส่วนการแบ่งเงิน

    ในตัวอย่างนี้เราจะนำเงินที่เหลือ 10,000 บาท มาแบ่งเงินที่เหลือออกเป็น 3 หมวดหมู่ง่ายๆดังนี้:

    • แบ่งไปลงทุน 30% → 10,000 x 30% = 3,000 บาท
    • แบ่งไปเก็บออม 40% → 10,000 x 40% = 4,000 บาท
    • ใช้จ่ายตามใจชอบ 30% → 10,000 x 30% = 3,000 บาท

    สำหรับสัดส่วนเป็นเพียงตัวอย่าง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเป้าหมายทางการเงินของแต่ละคนนะครับ

  • ขั้นตอนที่ 3: นำเงินที่แบ่งไว้ไปซื้อสินทรัพย์

    • 3,000 บาท → ลงทุนกับหุ้นในตลาดไทย 2 ตัว

      💡 TIP: ถ้าใครดูกราฟเป็นว่ายังไม่ถึงเวลาซื้อ ก็สามารถถือเป็นเงินสดเก็บไว้ก่อนได้ครับ

    • 4,000 บาท → ซื้อทองเก็บไว้ โดยที่ไม่ต้องสนใจราคาขึ้นหรือลง (DCA)

    • 3,000 บาท → ละลายกับความสุขส่วนตัวได้เลยครับ แค่อย่าใช้เกินก็พอ 🤣

      💡 TIP: การเครียดอยู่กับการจดจ่อในเรื่องการลงทุน และการออมมากเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก งบส่วนนี้จะช่วยให้ชาวมั่งมีผ่อนคลาย และมีวินัยในการจำกัดความสุขของตัวเองนะครับ

เพิ่มเติม: วิธีการลงทุน และออมเงินแบบ DCA

สำหรับการลงทุน และการเก็บออม เจ้าของบทความแนะนำเป็นวิธี

DCA หรือ Dollar-Cost Averaging เป็นการทยอยสินทรัพย์นั้นๆเป็นงวดๆ หรือทุกๆเดือน

วิธี DCA จะให้เห็นผลได้ ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ และมีวินัยครับ โดยที่ซื้อสินทรัพย์นั้นๆให้ได้ทุกๆเดือน แม้ว่าราคาจะผันผวนมากขนาดไหนก็ตาม

หลายคนขาดวินัยในเรื่องนี้ พอเห็นว่าสินทรัพย์ราคาสูงขึ้นเลยหยุดซื้อต่อ แต่ในความเป็นจริงคุณไม่สามารถรู้อนาคตได้ว่าราคาสินทรัพย์จะขึ้นหรือลง คุณทำได้แค่มีวินัย และทำตามระบบ ในระยะยาวระบบจะกลับมาตอบแทนคุณเองครับ

Dca Th

จากรูปทำไม DCA ถึงเหมาะกับมือใหม่

  1. คุณไม่ต้องพะวงหรือเครียดกับความผันผวนตลาด เพราะคุณแค่กดซื้อก็พอ คุณจะได้เอาเวลาไปจดจ่อกับสิ่งที่คุณรักได้ครับ
  2. การันตีสินทรัพย์คุณมีจำนวนมากขึ้นแน่ๆ ตรงกับ Concept การออมที่สนใจที่จำนวนสินทรัพย์ แต่สนใจมูลค่าเป็นเรื่องรอง

สุดท้ายเจ้าของบทความหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้จะทำให้ชาวมั่งมีทุกคนเข้าใจภาพรวมทั้งหมดของการวางแผนทางการเงิน และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดกันเองได้ เพราะการเริ่มวางแผนทางการเงินไม่ใช่เรื่องยากครับ

สรุปประเด็นสำคัญ

  • เรื่องสำคัญในการวางแผนการเงินมีทั้งหมด 3 เสา คือ ♖ เสาแรก: กระแสเงินสด (Cashflow), ♖ เสาที่สอง: การลงทุน (Investment) และ ♖ เสาที่สาม: การออมเงิน (Saving)

  • ขั้นตอนการวางแผนทางการเงิน หลังจากเข้าใจทั้ง 3 เสา นี้แล้ว

    เริ่มจากสร้างบัญชีกระแสเงินสด → ออกแบบและทำตามระบบ (ตามตัวอย่างด้านบน) → ซื้อสินทรัพย์จริงตามที่ระบบแบ่งไว้

  • สิ่งที่ยากที่สุดของพื้นฐานการเงิน ไม่ใช่การที่คุณอ่านกราฟเทคนิคต่างๆเป็น หรือมีท่าการลงทุนสุดพิศดาล แต่มันคือการทำเรื่องง่ายๆคือ “การสร้างวินัยทางการเงิน” และ “การทำตามระบบ” ให้ได้เป็นระยะเวลานานๆ 10 ปี 20 ปี หรือตลอดชีวิต

  • วิธี DCA เป็นท่าการลงทุน และการออมที่เหมาะกับมือใหม่ เพราะช่วยฝึกเราให้มีวินัยทางการเงิน

ในบทความหน้าๆเรายังมีอิกหลายประเด็นที่ยังไม่ได้พูดถึง เช่น

  • ตลาดหลักๆในการซื้อขายสินทรัพย์มีที่ไหนบ้าง
  • เครื่องมือที่ใช้ในการออกแบบระบบการเงินที่ละเอียดมากขึ้น
  • การแบ่งบัญชีเพื่อเก็บสินทรัพย์ต่างๆ

รอติดตามที่เว็ป 🐈 mangmee กันได้เลยครับ All Wealth Simple | จัดการทุกความมั่งคั่งให้เรียบง่าย

Qoute Th

Read 1K
Name: Nonthawit
Nonthawit (น้ำแข็ง)
· Founder

👨🏻💻 Software Engineer | 🤹 Designer |
🗣 Public Speaker | 💡 Tech Entrepreneur
Passionate about finance, investment, and building products